ดีไซน์ทรงสี่เหลี่ยมที่ห่อหุ้มด้วยโลหะ

G-D5000 ซึ่งเป็นนาฬิกา G-SHOCK รุ่นทองคำ 18k ได้เปิดตัวครั้งแรกในปี 2018 ด้วยโครงการ Dream Project ที่เฉลิมฉลองครบรอบ 35 ปีนับตั้งแต่ก่อตั้ง G-SHOCK ด้วยการพัฒนาที่นำโดย Kikuo Ibe บิดาแห่ง G-SHOCK นาฬิการุ่นนี้จึงเป็นรุ่นแรกที่มีดีไซน์ทรงสี่เหลี่ยมของ G-SHOCK รุ่นแรกในรุ่นตัวเรือนโลหะล้วน G-D5000 นั้นละคุณสมบัติการออกแบบที่ไม่เกี่ยวข้องใดๆ และแสดงให้เห็นความงดงามของสไตล์ที่เป็นแก่นสารนี้

ในขณะเดียวกัน ทีมพัฒนารุ่นเยาว์ของ G-SHOCK ก็เดินหน้าอย่างเงียบๆ กับโปรเจคตัวเรือนโลหะล้วนอีกโปรเจคหนึ่งที่สืบทอดทรัพย์สินทางเทคโนโลยีเหล่านั้น นั่นก็คือรุ่น GMW-B5000 นาฬิกาโดดเด่นด้วยดีไซน์ทรงสี่เหลี่ยมของ G-SHOCK ซึ่งถือเป็นความภาคภูมิใจในความสมบูรณ์แบบที่ทำได้ตั้งแต่นาฬิกาเปิดตัว นาฬิการุ่นโลหะล้วนรุ่นนี้มีจุดประสงค์เพื่อเป็นแบบจำลองสำหรับการผลิตจำนวนมาก โดยไม่ใช่รุ่นลิมิเต็ด นี่คือวิวัฒนาการที่แฟนๆ ทั่วโลกรอคอยอย่างใจจดใจจ่อ และนำเสนอความท้าทายที่เกินกว่าจะจินตนาการได้ด้วยเช่นกัน

สร้างโครงสร้างกันแรงกระแทกแบบโลหะล้วน

คุณสมบัติต่างๆ เช่น โครงสร้างตัวเรือนแบบกลวงของนาฬิกาและการหุ้มรอบทิศทางช่วยปกป้องโมดูล หรือ "หัวใจ" ของ G-SHOCK เพื่อให้ได้โครงสร้างที่ทนทานต่อแรงกระแทกในเวอร์ชันโลหะล้วนนั้นจำเป็นต้องมีการปรับปรุงโครงสร้างภายนอกใหม่ทั้งหมด ซึ่งรวมถึงตัวเรือน สายนาฬิกา และปุ่มต่างๆ สเตนเลสได้รับการคัดเลือกเป็นวัสดุเพื่อเพิ่มความแข็งแรงของส่วนประกอบ และโครงสร้างภายในแบบใหม่ที่มีการทนทานต่อแรงกระแทกด้วยเรซินแบบละเอียดซึ่งได้รับการพัฒนาเพื่อแก้ปัญหาการตกกระแทกที่เพิ่มขึ้นอันเนื่องมาจากน้ำหนักที่เพิ่มขึ้นของนาฬิกา

นอกจากนี้ ส่วนเชื่อมของสายที่เชื่อมเข้ากับตัวเรือนยังใช้โครงสร้างแบบสามข้อต่อเพื่อเสริมความแข็งแรงให้กับสายโลหะ ฝาด้านหลังแบบใช้สกรูยึดล็อค—เช่นเดียวกับรุ่นแรก—กันน้ำได้ 20 บาร์ สำหรับการแกะสลัก มีดีไซน์ตัวอักษร “Shock Resistant” (ทนทานต่อแรงกระแทก) ดั้งเดิม แทนที่จะเป็นข้อความ “Shock Resist”(กันแรงกระแทก) ที่ใช้ในซีรีส์ 5600 คาร์บอนคล้ายเพชร (DLC) และกระบวนการสร้างผิวสัมผัสกระจก ทำให้นาฬิกามีความรู้สึกประณีต แสดงดีไซน์โลหะล้วนรูปแบบผ่านทุกรายละเอียด นาฬิกาจึงมีระดับความแข็งแกร่งที่สามารถตอบสนองเกณฑ์เฉพาะสำหรับรุ่นของนาฬิกา G-SHOCK

คุณสมบัติทั้งหมดนี้มีพื้นฐานมาจากแนวคิดเชิงนวัตกรรมของ "โครงสร้างเปลือกแบบใหม่" โดย Kikuo Ibe กับ G-D5000 แม้ว่านั่นจะเป็นโมเดลในแนวคิด แต่ก็ชัดเจนว่างานพัฒนาบนโมเดลนั้นยังบรรลุเป้าหมายระดับคุณภาพที่เหมาะสมสำหรับการเปิดตัวในฐานะผลิตภัณฑ์ที่ผลิตในปริมาณมาก

ขับเคลื่อนวิวัฒนาการการทำงานด้วยเทคโนโลยีขั้นสูง

ความพิเศษในด้านการออกแบบไม่ได้หยุดอยู่ที่โครงสร้างภายนอก โมดูลที่ควบคุมการทำงานของนาฬิกาได้รับการพัฒนาใหม่เช่นกัน เทคโนโลยีล่าสุดถูกถ่ายทอดลงในการออกแบบอย่างอิสระ นับตั้งแต่เริ่มต้น G-SHOCK ได้ดำเนินตามความท้าทายในการบรรลุนวัตกรรมด้านฟังก์ชันชั้นนำของตลาดมาโดยตลอด ด้วยคุณสมบัติต่างๆ เช่น การเพิ่มแสงไฟเพื่อปรับปรุงความสามารถในการอ่านค่า ระบบ Tough Solar เพื่อรับรองถึงความเสถียรของฟังก์ชันของนาฬิกา และการรับสัญญาณเพื่อเพิ่มความแม่นยำในการบอกเวลา ผลของความท้าทายนี้คือรุ่น GMW-B5000 นี่คือการตอบสนองของ G-SHOCK ต่อภารกิจในการมอบวิวัฒนาการการทำงานอย่างต่อเนื่อง

การพัฒนานั้นไม่ใช่เรื่องที่ตรงไปตรงมา กระบวนการลองผิดลองถูกจะดำเนินต่อไปเรื่อยๆ จิตวิญญาณแห่งการท้าทายที่ "ไม่เคยยอมแพ้" ของ G-SHOCK จะขับเคลื่อนความอุตสาหะ โครงสร้างแบบแผงวงจรได้รับการปรับปรุงเพื่อให้ทำงานได้มากขึ้นโดยไม่ต้องเพิ่มขนาดของนาฬิกา เสาอากาศที่ติดตั้งในตัวเรือนโลหะล้วนช่วยรับรองได้ถึงความไวในการรับสัญญาณที่เสถียร แนวคิดและรูปแบบทางเทคโนโลยีมารวมกันเพื่อแก้ปัญหาทีละประเด็น รวมถึงการพัฒนาแผงพลังงานแสงอาทิตย์ใหม่เพื่อให้ทั้งประสิทธิภาพในการผลิตไฟฟ้าและหน้าจอ LCD

ฟังก์ชันเชื่อมต่อสมาร์ทโฟนซึ่งไม่ได้รวมอยู่ใน G-D5000 ก็ถูกเพิ่มเข้ามาใหม่เช่นกัน สิ่งนี้ทำให้เกิดความสัมพันธ์ระหว่าง G-SHOCK ซึ่งถือกำเนิดขึ้นในฐานะนาฬิกาดิจิตอล และไลฟ์สไตล์ที่เน้นด้านดิจิตอลมากขึ้นเรื่อยๆ ในปัจจุบัน

ทายาทในสไตล์ดั้งเดิมของ G-SHOCK

สามสิบห้าปีหลังจาก G-SHOCK รุ่นแรกปรากฏขึ้น GMW-B5000 ได้เปิดตัวรุ่นที่รอคอยมาอย่างยาวนาน 5000 ในหมายเลขรุ่นมีความสำคัญเป็นพิเศษสำหรับ G-SHOCK ในบรรดาการทำซ้ำทั้งหมดของ G-SHOCK ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา โดยมีรุ่นนับพันรุ่น การกำหนดพิเศษนี้สงวนไว้สำหรับรุ่นที่ส่งเสริม DNA ของ G-SHOCK รุ่นแรกอย่าง DW-5000C เท่านั้น

รูปแบบที่ไม่เปลี่ยนแปลงของดีไซน์ทรงสี่เหลี่ยมถือได้ว่าเป็นคุณลักษณะเชิงสัญลักษณ์ของนาฬิกา ผลิตขึ้นจากการแสวงหาความทนทานต่อแรงกระแทกเพียงอย่างเดียว รูปแบบมินิมอลจะละสิ่งภายนอกทั้งหมดเพื่อให้แน่ใจว่าสวมใส่ได้พอดีในทุกสถานการณ์

การสร้าง G-SHOCK เวอร์ชันโลหะล้วนย่อมเกี่ยวข้องกับการนำรุ่น DW-5000C รุ่นแรกมาเป็นพื้นฐานของการออกแบบอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ผลงานชิ้นเอกที่เป็นต้นฉบับของการออกแบบชิ้นนี้ยังคงมีอยู่ตลอดหลายปีที่ผ่านมาจนถึงปัจจุบัน ดังนั้นจึงเป็นเรื่องเหมาะสมที่จะสร้างประวัติศาสตร์ใหม่ๆ ต่อไปเช่นกัน ด้วยความภาคภูมิใจในรูปลักษณ์ที่ไม่เปลี่ยนแปลงและพันธกิจของการวิวัฒนาการอย่างต่อเนื่อง การเปิดรับความท้าทายอย่างสุดใจของ G-SHOCK จะไม่สิ้นสุดในเร็วๆ นี้